โอยันตา โมเซส อูมาลา ตัสโซ (
สเปน: Ollanta Moisés Humala Tasso, เกิด 27 มิถุนายน พ.ศ. 2505 –) เป็นนักการเมืองและอดีตทหารชาว
เปรู เคยดำรงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีเปรูระหว่างปี พ.ศ. 2554 จนถึง พ.ศ. 2559 เดิมเขามีแนวคิดทางการเมืองไปทาง
สังคมนิยมและ
ชาตินิยมฝ่ายซ้าย ต่อมาเขามีแนวคิดแบบ
เสรีนิยมใหม่และมีจุดยืนแบบ
การเมืองสายกลางเมื่อเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
[1][2]เขาเกิดในครอบครัวที่เป็นนักการเมืองและนักเคลื่อนไหว บิดาของเขาชื่อ
ไอแซก อูมาลา เป็นนักกฎหมายและทนายความ อูมาลาเข้ารับรัฐการเป็นทหารประจำ
กองทัพเปรูเมื่อ พ.ศ. 2524 และได้รับยศพันโท ในช่วงที่เขาเป็นทหารนั้น เขามีบทบาทอย่างมากในเหตุการณ์
ความขัดแย้งภายในเปรู และเคยร่วมรบใน
สงครามเซเนปาซึ่งเกิดจากความขัดแย้งระหว่าง
ประเทศเอกวาดอร์กับประเทศเปรู ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2543 เขาพยายามกระทำ
รัฐประหารรัฐบาลของ
อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
[3] ต่อมาเมื่อฟูฆิโมริหมดวาระ เขาจึงได้รับการนิรโทษกรรมและได้เข้ามารับรัฐการทหารอีกครั้งใน พ.ศ. 2548 เขาเข้าสู้เส้นทางการเมืองและได้ก่อตั้ง
พรรคชาตินิยมเปรูและลงสมัครรับเลือกตั้งใน
การเลือกตั้งทั่วไปของเปรู พ.ศ. 2549 แต่ได้แพ้
อาลัน การ์ซีอา นโยบายและการหาเสียงของเขาได้เป็นที่สนใจของนานาชาติและสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก และถือเป็นความสำเร็จของ
การเมืองฝ่ายซ้ายใน
ละตินอเมริกา[4] ซึ่งเขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งใน พ.ศ. 2554 และได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง โดยสามารถเอาชนะ
เกย์โก ฟูฆิโมริ และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจนถึงปี พ.ศ. 2559ชัยชนะในการเลือกตั้งของเขาถูกมองว่ามีการแทรกแซงจากนายทุน และมีความกังวลว่าเขาจะดำเนินนโยบายแบบ
อูโก ชาเบซซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีของ
ประเทศเวเนซุเอลาและอาจดำเนินนโยบายแบบซ้ายจัดได้ ดังนั้นอูมาลาจึงเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองเป็นสายกลางเมื่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
[5] อย่างไรก็ดี ระหว่างเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นมีเรื่องอื้อฉาวและพบว่ามี
การทุจริตทางการเมืองโดยเขาและภรรยาคือ
นาดีน เฮอร์เลเดีย[6][7] ทั้งนี้เขายังถูกวิจารณ์จากนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากนโยบายการสร้างเหมืองแร่อีกด้วย โดยวิจารณ์ว่าเขาไม่ได้ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ว่าจะดำเนินนโยบายควบคุมการทำเหมืองแร่ในเปรูรวมถึงบริษัทผู้สัมปทาน
[8][9]หลังพ้นตำแหน่งประธานาธิบดี ใน พ.ศ. 2560 เขาถูกทางการเปรูจับกุมข้อหาทุจริตทางการเมือง
[10] ต่อมาอูมาลากลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปของเปรู พ.ศ. 2564 แต่เขาได้รับคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 1.5 และไม่ได้รับเลือกตั้ง
[11][12]